จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เทศกาลเที่ยวหัวใจใหม่(ยังไง) เมืองไทยยั่งยืน(จริงๆ)

            ต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาหลังวันสิ่งแวดล้อมโลกแค่ไม่กี่วัน ททท. หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยขึ้นที่เมืองทองธานี เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา  โดยปีนี้มาพร้อมกับแคมเปญใหม่ล่าสุด เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน  เราได้มีโอกาสไปเที่ยวชมงานก็วันสุดท้ายของงานพอดี ซึ่งก็เผอิญตรงกับการจัดเสวนาท่v'เที่ยวหัวข้อ ทดเวลาบาดเจ็บ.... อะไรประมาณนี้  เลยถือโอกาสฟังเสวนาก่อนไปเดินเที่ยวในงาน

            รูปแบบการจัดงานปีนี้ถือว่าอลังการ เส้นทางชัดเจนกว้างขวางน่าเดินเที่ยวมาก มีการแบ่งโซนชัดเจน ที่น่าตื่นตาในวิธีการนำเสนอคือโซน เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน ที่ใช้กล่องกระดาษมาทำเป็นแนวขอบเขตพื้นที่ พร้อมทั้งเสริมด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ  อีกโซนที่น่าสนใจคือโซน “7 Greens”  ซึ่ง ททท. นำเสนออย่างต่อเนื่องอยู่แล้วทุกปี แต่ปีนี้รู้สึกพื้นที่จะกว้างขวางขึ้น  เมื่อดูจากทั้งสองโซนแล้ว แสดงว่า Theme ของงานปีนี้น่าจะเน้นเรื่องการอนุรักษ์มากขึ้น  ส่วนโซนอื่นๆ ก็เป็นปกติเหมือนทุกปีคือ โซนการสาธิตของแต่ละภูมิภาค โซนผู้ประกอบการท่องเที่ยว โซนสินค้าหัตถกรรม โซนอาหาร และเวทีการแสดงที่เน้นบรรยากาศงานวัดที่ดูสนุกสนานครึกครื้น 


            พอเดินเที่ยวในงานได้ซักพัก เราเริ่มรู้สึกว่ามันมีอะไรที่ขัดแย้งกันชอบกล  ถ้า Theme ของงานเน้นการอนุรักษ์ ทำไมวัสดุที่ใช้ตกแต่งในงาน ภาชนะใส่อาหารและเครื่องดื่มในงานถึงมีแต่โฟมและพลาสติกเต็มไปหมด ประเมินด้วยสายตาร้านค้าในงานน่าจะไม่ต่ำกว่า 200 ร้าน ถ้าร้านหนึ่งใช้โฟมหรือพลาสติกวันละ 500 ชิ้น เป็นอย่างต่ำ วันเสาร์-อาทิตย์น่าจะมากกว่านั้นเป็นเท่าตัว งานมี 5 วัน เราไม่กล้านึกภาพของภาชนะที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งเหล่านี้เลย  เอ๊ะ...หรือเราเข้าใจอะไรผิดไปเอง Theme ทั้งงานไม่ได้เน้นการอนุรักษ์ แต่เน้นเฉพาะบางโซน  แต่ในโซนอนุรักษ์ก็มีโฟมนี่นา  หรือเจ้าของงานสับสนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ! นอกจากนี้ เรายังพบว่ามีการขายสินค้าเครื่องประดับที่ทำจากกระดูกและงาช้างอีกด้วย  ที่ยังงงๆ และไม่แน่ใจมาจนถึงตอนนี้คือ ในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยมีสินค้าประเภทเสื้อผ้ามือสอง เสื้อกันหนาว เสื้อผ้าจากโรงงาน  แว่นตาแฟชั่น และอื่นๆ ที่เรารู้สึกว่าไม่น่าจะเข้าพวกในโซนสินค้าหัตถกรรมของที่ระลึกด้วยหรือ  เด็ดสุดคือ เราอยากรู้จังว่าไอ้เจ้า ONAMI เนี่ย มันเป็นสินค้า OTOP จากที่ไหน ? ใครรู้ช่วยตอบที

            ในขณะที่เดินไปมึนไป มีแต่คำถามในหัวว่า ทำไม ๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา  ในที่สุดเราก็ยังอุตส่าห์เจอบางคนที่มาร่วมในงานที่ขอใช้คำว่ามี แสงสว่างแห่งปัญญา คือคิดขึ้นได้เอง  เป็นเจ้าของร้านอาหาร ป้อม ข้าวพันผัก จากอุตรดิตถ์ คนหนุ่มไฟแรง มาร่วมในงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยตลอดทุกปี  มีแนวคิดชัดเจนในการร่วมลดโลกร้อนด้วยการไม่ใช้ภาชนะที่ทำจากโฟม  หันมาใช้ ไบโอโฟม ซึ่งราคาสูงกว่าโฟมทั่วไปหลายเท่าแทน และมุ่งมั่นทำมาปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้ว ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าปีนี้จะคุ้มทุนหรือไม่เนื่องจากทางเจ้าของงานจัดเก็บค่าที่ ต่างจากทุกปีที่ไม่เคยเก็บ แต่ก็ยืนยันเจตนารมณ์ว่าจะขอร่วมรักษ์โลกต่อไป สู้ๆ ค่ะ  ที่จริงไม่เฉพาะร้านป้อม ข้าวพันผัก จากอุตรดิตถ์เท่านั้น  แต่ยังมีอีกหลายคนที่มี ใจ รักษ์โลก  อาจจะทั้งแบบตั้งใจหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม ร่วมอยู่ในงานด้วย เพียงแต่ถ้ากวาดสายตาอย่างละเมียดหน่อย ก็จะพบว่าบางร้านพยายามใช้วัสดุธรรมชาติดั้งเดิมสมัยปู่ย่าตายายมาทำภาชนะใส่ขนม นั่นคือ ใบตอง หรือบางร้านก็ใช้ภาชนะเครื่องปั้นดินเผามาใส่ก๋วยเตี๋ยวซึ่งใช้ซ้ำได้  ขณะที่ร้านไอศกรีมก็ใช้กะลาแทนถ้วยพลาสติก (อันนี้ไอเดียดี แม้ว่าโดยส่วนตัวหน้าตาไม่ผ่านค่ะ!)


           จะว่าไปแล้ว ททท. ก็จัดงานเทศกาลเที่ยวเมืองไทยโดยนำเสนอแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนติดต่อกันมาหลายปี  เราเชื่อว่าวิธีทำตลาดแบบเขียวๆ ของบรรดาร้านค้าในงานก็น่าจะได้มาจากการตอกย้ำแนวคิดของ ททท. ด้วยล่ะน่า....เอ้า ปีหน้าค่อยว่ากัน  เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน เย้



AGALIGO GREEN

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น