ธุรกิจ Sea Walker หรือการเดินใต้ทะเล เป็นกิจกรรมดูปะการังและสัตว์ใต้ทะเลโดยอาศัยอุปกรณ์ช่วยหายใจที่เรียกว่า Air Surface Supply ในระดับความลึกประมาณ 5 เมตร มาประกอบการให้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์สัมผัสแนวปะการังด้วยสายตาอย่างใกล้ชิด ถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเลอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานหลายปี ในต่างประเทศมีการเปิดให้บริการที่ประเทศออสเตรเลีย บริเวณหมู่เกาะ Great Barrier Reef ส่วนแถบเอเชียคือที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เป็นที่นิยมชมชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเอเซีย ถึงขนาดมีการทำ Web Site เป็นภาษาญี่ปุ่นและจีน ในประเทศไทยมีการให้บริการมากว่า 10 ปีแล้ว เท่าที่ทราบมี 2 แห่ง คือเกาะสาก จังหวัดชลบุรี และเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต
แม้แต่ในประเทศที่ถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีรูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้นการอนุรักษ์อย่างออสเตรเลีย ก็ยังมีธุรกิจบริการท่องเที่ยวดังกล่าวในพื้นที่ที่ประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ Sea Walker จึงถูกตั้งประเด็นว่าเป็นการท่องเที่ยวที่อนุรักษ์หรือทำลายสิ่งแวดล้อมกันแน่ โดยเฉพาะผลกระทบต่อระบบนิเวศแนวปะการังและสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแนวปะการัง ซึ่งหากเป็นกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงลบ ที่ผ่านมาทำไมจึงยังไม่มีมาตรการใดๆ เกิดขึ้นกับกิจกรรมนี้ ทำไมยังปล่อยให้โฆษณาประชาสัมพันธ์ “ขาย” กิจกรรมดังกล่าวอยู่อย่างโจ่งแจ้ง และทำไม “สื่อ” ที่เป็นรายการท่องเที่ยวจึงยังเผยแพร่กิจกรรม Sea Walker ในลักษณะแนะนำให้ไปเที่ยวได้อย่างสวนกระแส “การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม” ได้อย่างนี้
สำหรับประเทศไทย Sea Walker กลายเป็นประเด็นหารือในวาระประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายก็ได้บทสรุปว่ากิจกรรมดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อพื้นที่และระบบนิเวศแนวปะการังได้หากไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง เนื่องจากพบว่ารูปแบบการประกอบกิจกรรม Sea Walker มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อแนวปะการังได้มาก ทั้งจากการดัดแปลงทางเดินโดยการขุดย้ายปะการังออกจากที่อยู่เดิมเพื่อความสะดวกและปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง หรือการสร้างแนวทางเดินที่ใกล้กับปะการังมากเกินไป ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะสัมผัสถูกปะการังมากขึ้น อีกทั้งผลกระทบอื่นๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เข้าใจและขาดความระมัดระวัง เช่น การฟุ้งกระจายของตะกอนทรายที่เกิดจากการเดิน การขีดเขียนลงบนก้อนหิน/ปะการัง การนำสัตว์ใต้ทะเลพวกหอยมือเสือ ดอกไม้ทะเล หอยเม่นจากที่แหล่งอยู่มาให้นักท่องเที่ยวชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิด เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นการให้ความรู้ที่มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อเอาใจและพยายามสร้างความพอใจด้วยกิจกรรมที่คิดว่าน่าสนใจแก่นักท่องเที่ยว กลายเป็นการเพาะบ่มพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องและสร้างความเข้าใจผิดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้อาหารปลา ที่นอกจากจะเป็นการสร้างมลพิษต่อน้ำทะเลแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อวงจรระบบนิเวศแนวปะการัง เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสัตว์ ทำให้ปลาไม่ยอมหาอาหารกินเอง สูญเสียสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ที่ร้ายแรงที่สุดคือผู้ประกอบการบางรายมีการจับปลาใส่ถุงให้นักท่องเที่ยวนำกลับไปเป็นที่ระลึกอีกด้วย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีการออกประกาศกระทรวงฯ เรื่องการกำหนดพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2553 ข้อ 11 (5) ว่าด้วยการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจกรรมการเดินท่องเที่ยวใต้ทะเล (Sea Walker) หรือการทอดสมอเรือในแนวปะการังขึ้นเพื่อป้องกันกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้นกับพื้นที่จังหวัดกระบี่ สำหรับจังหวัดภูเก็ตและชลบุรีไม่แน่ใจว่าได้มีออกประกาศมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแบบนี้หรือยัง หากยังก็ควรรีบออกประกาศหรือหามาตรการควบคุมป้องกันมิให้กิจกรรมนี้รุกลามไปยังแนวปะการังในพื้นที่อื่นๆ
นอกจากมาตรการข้างต้นแล้ว การให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกความหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติที่เหมาะสม สื่อสารมวลชนรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะสื่อทางทีวีที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน จึงควรมีการกลั่นกรอง “สาระ” หรือทำการบ้านให้ดีก่อนที่จะ “สื่อ” สู่สาธารณะ
อันที่จริง หากเปลี่ยนมุมมองว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรม Sea Walker เป็นนวัตกรรมสำหรับการอยู่ใต้น้ำในระดับตื้น ก็น่าจะลองคิดพัฒนาให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นสามารถนำไปใช้ในพื้นที่ที่ลึกมากขึ้น แล้วนำไปประยุกต์ใช้สำหรับกิจกรรมหรือภารกิจใต้น้ำที่เหมาะสม เช่น การซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างใต้น้ำ การสำรวจเรือจม หรือการสำรวจแหล่งโบราณคดีใต้น้ำ มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่าหรือเปล่า.......
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น