จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

5934

วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ความจริงเกี่ยวกับ Sea Walker ในประเทศไทย

ภาพจาก www.dadabalitour.com

ภาพจาก www.allbalitour.com

ธุรกิจ Sea Walker หรือการเดินใต้ทะเล    เป็นกิจกรรมดูปะการังและสัตว์ใต้ทะเลโดยอาศัยอุปกรณ์ช่วยหายใจที่เรียกว่า  Air Surface Supply ในระดับความลึกประมาณ 5 เมตร มาประกอบการให้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์สัมผัสแนวปะการังด้วยสายตาอย่างใกล้ชิด   ถือเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวทางทะเลอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมานานหลายปี   ในต่างประเทศมีการเปิดให้บริการที่ประเทศออสเตรเลีย บริเวณหมู่เกาะ Great Barrier Reef   ส่วนแถบเอเชียคือที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย   เป็นที่นิยมชมชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเอเซีย  ถึงขนาดมีการทำ Web Site เป็นภาษาญี่ปุ่นและจีน   ในประเทศไทยมีการให้บริการมากว่า 10 ปีแล้ว เท่าที่ทราบมี 2 แห่ง คือเกาะสาก จังหวัดชลบุรี  และเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต    
            แม้แต่ในประเทศที่ถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีรูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้นการอนุรักษ์อย่างออสเตรเลีย ก็ยังมีธุรกิจบริการท่องเที่ยวดังกล่าวในพื้นที่ที่ประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ    Sea Walker จึงถูกตั้งประเด็นว่าเป็นการท่องเที่ยวที่อนุรักษ์หรือทำลายสิ่งแวดล้อมกันแน่   โดยเฉพาะผลกระทบต่อระบบนิเวศแนวปะการังและสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในแนวปะการัง  ซึ่งหากเป็นกิจกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงลบ  ที่ผ่านมาทำไมจึงยังไม่มีมาตรการใดๆ เกิดขึ้นกับกิจกรรมนี้  ทำไมยังปล่อยให้โฆษณาประชาสัมพันธ์ ขาย กิจกรรมดังกล่าวอยู่อย่างโจ่งแจ้ง   และทำไม สื่อ ที่เป็นรายการท่องเที่ยวจึงยังเผยแพร่กิจกรรม Sea Walker ในลักษณะแนะนำให้ไปเที่ยวได้อย่างสวนกระแส การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ได้อย่างนี้
            สำหรับประเทศไทย  Sea Walker  กลายเป็นประเด็นหารือในวาระประชุมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมหลายต่อหลายครั้ง  สุดท้ายก็ได้บทสรุปว่ากิจกรรมดังกล่าวสามารถส่งผลกระทบต่อพื้นที่และระบบนิเวศแนวปะการังได้หากไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง   เนื่องจากพบว่ารูปแบบการประกอบกิจกรรม Sea Walker  มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อแนวปะการังได้มาก ทั้งจากการดัดแปลงทางเดินโดยการขุดย้ายปะการังออกจากที่อยู่เดิมเพื่อความสะดวกและปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง  หรือการสร้างแนวทางเดินที่ใกล้กับปะการังมากเกินไป ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะสัมผัสถูกปะการังมากขึ้น  อีกทั้งผลกระทบอื่นๆ ที่เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เข้าใจและขาดความระมัดระวัง  เช่น การฟุ้งกระจายของตะกอนทรายที่เกิดจากการเดิน  การขีดเขียนลงบนก้อนหิน/ปะการัง  การนำสัตว์ใต้ทะเลพวกหอยมือเสือ ดอกไม้ทะเล หอยเม่นจากที่แหล่งอยู่มาให้นักท่องเที่ยวชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิด   เหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เพราะเป็นการให้ความรู้ที่มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อเอาใจและพยายามสร้างความพอใจด้วยกิจกรรมที่คิดว่าน่าสนใจแก่นักท่องเที่ยว  กลายเป็นการเพาะบ่มพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องและสร้างความเข้าใจผิดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้อาหารปลา ที่นอกจากจะเป็นการสร้างมลพิษต่อน้ำทะเลแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อวงจรระบบนิเวศแนวปะการัง  เนื่องจากเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสัตว์ ทำให้ปลาไม่ยอมหาอาหารกินเอง สูญเสียสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด  ที่ร้ายแรงที่สุดคือผู้ประกอบการบางรายมีการจับปลาใส่ถุงให้นักท่องเที่ยวนำกลับไปเป็นที่ระลึกอีกด้วย 
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีการออกประกาศกระทรวงฯ เรื่องการกำหนดพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. 2553  ข้อ 11 (5)  ว่าด้วยการห้ามกระทำการหรือประกอบกิจกรรมการเดินท่องเที่ยวใต้ทะเล (Sea Walker) หรือการทอดสมอเรือในแนวปะการังขึ้นเพื่อป้องกันกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบเกิดขึ้นกับพื้นที่จังหวัดกระบี่  สำหรับจังหวัดภูเก็ตและชลบุรีไม่แน่ใจว่าได้มีออกประกาศมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแบบนี้หรือยัง  หากยังก็ควรรีบออกประกาศหรือหามาตรการควบคุมป้องกันมิให้กิจกรรมนี้รุกลามไปยังแนวปะการังในพื้นที่อื่นๆ 
นอกจากมาตรการข้างต้นแล้ว  การให้ความรู้ความเข้าใจและสร้างจิตสำนึกความหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิบัติที่เหมาะสม  สื่อสารมวลชนรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะสื่อทางทีวีที่ถือว่ามีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน   จึงควรมีการกลั่นกรอง สาระ หรือทำการบ้านให้ดีก่อนที่จะ สื่อ สู่สาธารณะ
อันที่จริง หากเปลี่ยนมุมมองว่าอุปกรณ์ที่ใช้ในกิจกรรม Sea Walker เป็นนวัตกรรมสำหรับการอยู่ใต้น้ำในระดับตื้น  ก็น่าจะลองคิดพัฒนาให้มีสมรรถนะที่ดีขึ้นสามารถนำไปใช้ในพื้นที่ที่ลึกมากขึ้น  แล้วนำไปประยุกต์ใช้สำหรับกิจกรรมหรือภารกิจใต้น้ำที่เหมาะสม เช่น การซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างใต้น้ำ  การสำรวจเรือจม หรือการสำรวจแหล่งโบราณคดีใต้น้ำ  มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมมากกว่าหรือเปล่า.......


           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น