ท่ามกลางกระแส “ลดโลกร้อน” ที่ปัจจุบันกำลังร้อนแรงขึ้นทุกขณะ ใครที่ไม่ต้องการเป็นคนตก Trend ต่างก็ปรับรูปแบบการใช้ชีวิตเพื่อต้องการมีส่วนร่วมในการรักษ์โลกใบนี้ ทั้งการกิน เดินทาง ทำงาน หรือแม้แต่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะการบริโภคสินค้า ที่นอกจากสินค้าประเภทที่สนองตอบต่อความอยากที่เกินจำเป็นแต่มีผลต่อความรู้สึกหรืออารมณ์ ที่แข่งขันกันโดยใช้แนวคิด “เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงาน” มาเป็นจุดขายกันอย่างได้ผลแล้ว สินค้าในชีวิตประจำวันที่เราซื้อหากันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันด้วยความคุ้นเคยตามปกติ เดี๋ยวนี้หลายประเภทก็ใช้แนวคิดการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยลดโลกร้อนด้วยเหมือนกัน
รูปแบบแนวคิดของผลิตภัณฑ์เพื่อลดโลกร้อน มีตั้งแต่การพัฒนาวัตถุดิบหรือองค์ประกอบสินค้าที่หันมาใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติแทนสารเคมีเพื่อลดการสร้างมลพิษหรือขยะตกค้างในธรรมชาติ โดยยังคงคุณภาพและประสิทธิภาพของสินค้า เช่น สินค้าประเภทเกษตรอินทรีย์ ผลิตภัณฑ์ชำระล้างทำความสะอาดร่างกายที่สามารถย่อยสลายได้โดยกระบวนการธรรมชาติ(Biodegradable) ปลอดภัยทั้งต่อสุขภาพของผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม การใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นหรือในประเทศ เพื่อลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายในการขนส่งและนำเข้า การรับคืนสินค้าที่ผ่านการใช้งานแล้วกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตใหม่เพื่อลดปริมาณวัตถุดิบ เช่น กระดาษ จนถึงการพัฒนาหีบห่อหรือบรรจุภัณฑ์ให้มีรูปแบบและขนาดที่เหมาะสมต่อการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ทำให้ลดปริมาณการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่สิ้นเปลือง ลดพื้นที่และน้ำหนักในการบรรทุกเพื่อขนส่งต่อเที่ยวที่มีผลต่อค่าใช้จ่ายและการใช้พลังงาน อีกทั้งสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำในลักษณะการ Refill หรือหมุนเวียนคืนสู่กระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากธรรมชาติ แม้กระทั่งใช้เป็นวัตถุดิบในการแปรสภาพให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ เช่น หลังคา ผลิตภัณฑ์บุผนัง โต๊ะ/เก้าอี้จากกล่องนม
นอกจากนี้ แนวคิดการพัฒนาดังกล่าวยังทำให้เกิดผลิตภัณฑ์สีเขียวใหม่ๆ ขึ้น หลายผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แต่ก่อมลภาวะหรือทิ้งเป็นขยะเมื่อหมดอายุการใช้งานที่น้อยลง เช่น หลอดไฟฟ้า LED เครื่องชาร์ทพลังงานสำหรับถ่านอัลคาไลน์ทั่วไป หรือนวัตกรรมการนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ อาทิ นาฬิกาปลุกพลังน้ำ ผลิตภัณฑ์หลายสิ่งที่ดูคุ้นตาแต่ทำมาจากสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันเป็นขยะ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นการนับหนึ่งทางความคิดสร้างสรรค์ที่ให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็น “นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ Environovation” ก็ว่าได้

นอกจากนี้ แนวคิดการพัฒนาดังกล่าวยังทำให้เกิดผลิตภัณฑ์สีเขียวใหม่ๆ ขึ้น หลายผลิตภัณฑ์มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น แต่ก่อมลภาวะหรือทิ้งเป็นขยะเมื่อหมดอายุการใช้งานที่น้อยลง เช่น หลอดไฟฟ้า LED เครื่องชาร์ทพลังงานสำหรับถ่านอัลคาไลน์ทั่วไป หรือนวัตกรรมการนำพลังงานจากธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ อาทิ นาฬิกาปลุกพลังน้ำ ผลิตภัณฑ์หลายสิ่งที่ดูคุ้นตาแต่ทำมาจากสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันเป็นขยะ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นการนับหนึ่งทางความคิดสร้างสรรค์ที่ให้ความสำคัญกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็น “นวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม หรือ Environovation” ก็ว่าได้
ปัจจุบันเริ่มมีผู้ประกอบการที่ใส่ใจและตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง หันมาประกอบการด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพื่อตอบสนองต่อนักท่องเที่ยวสีเขียวที่เป็นกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร สถานบริการสุขภาพ จนถึงร้านค้าของที่ระลึก บางแห่งสร้างมูลค่าจากขยะด้วยการผลิตสินค้าจากวัสดุ Recycle ร้านอาหารบางร้านใช้เฉพาะวัตถุดิบที่เป็นเกษตรอินทรีย์หรือปลอดสาร บางแห่งรับคืนซากสินค้าเพื่อนำกลับไปผลิตใหม่ บางแห่งเน้นการผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติและปลอดสารเคมี สถานประกอบการบางแห่งเน้นการใช้พลังงานจากธรรมชาติและรักษาพื้นที่สีเขียว ขณะที่อีกหลายๆ แห่งพยายามฟื้นฟูเพื่อตอบแทนให้กับธรรมชาติ แล้วเหล่า Green Tourist อย่างเราจะสามารถมองหาและใช้บริการ Product พิทักษ์โลก ได้อย่างไร ง่ายที่สุดเริ่มจากการท่องโลกเสมือนจริงในเครือข่ายอินเตอร์เนต ด้วยคำว่า “สินค้าเพื่อสิ่งแวดล้อม” หรือไปที่ www.thaigreenmarket.com หากยังนึกไม่ออกหรืออยากเห็นของจริง ลองเริ่มต้นเดินสำรวจดูตามแหล่งท่องเที่ยวหลักในกรุงเทพฯ เช่น ย่านสยามสแควร์ ถนนพระอาทิตย์ ย่านวังหลัง หรือต่างจังหวัดก็ที่เชียงใหม่ น่าน เกาะสมุย นครราชสีมา อุดรธานี เป็นต้น

จุดสังเกตของ Product พิทักษ์โลก ดูได้จากฉลากหรือสัญลักษณ์ที่ออกโดยหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ฉลากประหยัดพลังงาน ฉลากเขียว ฉลากคาร์บอน ฉลากคาร์บอนฟรุตพริ้นต์ ฉลากรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ สัญลักษณ์ใบไม้เขียว และอื่นๆ ในการช้อปปิ้งครั้งต่อไป สังเกตดูว่าของที่เราหยิบใส่ถุงผ้าที่หิ้วไปน่ะมีกี่ชิ้นที่ช่วยลดโลกร้อนบ้าง ตัวเลือกมีให้แล้ว เพียงแค่เราใช้เวลาใส่ใจพิจารณาให้มากขึ้นเท่านั้น ขอโอกาสให้กับสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยพักพิงมาตลอดชีวิตได้หายใจเต็มปอดบ้างเถอะ Green together….Go forever
ก่อเกียรติ ฉัตรศิริวรกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น